ข้อมูลท่องเที่ยวจีน

 china

 

          กำแพงเมืองจีน หรือชื่อเรียกเป็น ภาษาจีน ว่า ฉางเฉิน สัญลักษณ์ที่โดดเด่นของ จีน กำแพงเมืองจีน เป็นกำแพงกั้นเมือง และกั้นประเทศทั้งประเทศ  จีน มีความยาวครอบคลุมเนื้อที่ทั้งหมด 7 มณฑล อันประกอบไปด้วย กรุงปักกิ่ง มณฑลเหอเป่ย มณฑลซาลซี เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ย มณฑลกานซู มณฑลส่านซี และ เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน   กำแพงเมืองจีน มีขนาดกว้างตั้งแต่ 4.5 เมตร ถึง 7.5 เมตร ซึ่งทหารม้าเข้าแถวเรียง 8 ได้อย่างสบาย ๆ มีความสูง จากพื้นด้านล่างตั้งแต่ 8 เมตร ถึง 9 เมตร เดิมเชื่อว่ามีความยาว 1,500 ไมล์ ( 2,400 กิโลเมตร) บน กำแพงเมืองจีน ทุก ๆระยะ 200 เมตร จะมีหอหรือป้อมสำหรับตรวจเหตุการณ์ สร้างสูงขึ้นไปอีก 3 เมตร ถึง 6 เมตร และมีระฆังแขวน เพื่อตีบอกสัญญาณเกิดเหตุไว้ประจำทุกหอ รวมทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 20,000 หอ กำแพงเมืองจีน นี้ได้สมญานามว่ากำแพงหมื่นลี้ จีน เสียค่าใช้จ่ายในการสร้าง กำแพงเมืองจีน ตีได้เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 360 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบเท่ากับเงินที่สหรัฐ ใช้ในการสร้างถนนไฮเวย์ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา กำแพงเมืองจีน เป็นสิ่งก่อสร้างชนิดเดียวในโลกที่สามารถมองเห็น จากการที่นักบินอวกาศนำยานอวกาศขึ้นไปโคจรอยู่นอกโลก

นคร เซี่ยงไฮ้

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เซี่ยงไฮ้

หอไข่มุก (The Oriental Pearl TV Tower)
ฟังดูนึกว่าเป็นหอที่ขายไข่มุก แต่กลับกลายว่าเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ สูง 468 เมตร ที่สวยที่สุด หอไข่มุก ตั้งอยู่หน้า อ่าวผู่ต้ง ใหม่ในตอนกลางคืนมีการเปิดไฟสวยงามตระการตา และในบริเวณใกล้เคียงก็มีตึกสูงๆ ที่ต่างก็ประโคมเปิดไฟเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน

ไว่ทาน (Waitan)
หรือที่ชาวต่างชาติจะเรียกว่า เดอะบันด์ (The Bund) เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ เซี่ยงไฮ้นับตั้งแต่อดีตกาล จนถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่บนถนนจงซาน ถนนที่มีทิวทัศน์งดงาม เนื่องจากเป็นถนนกว้างที่โค้งไปตามริมแม่น้ำหวงผู่ โดยด้านหนึ่งเป็นตึกเก่าแก่ที่มีรูปทรง สถาปัตยกรรม เป็นแบบตะวันตก ทั้งนี้ก็เพราะครั้งหนึ่งแถบนี้เคยเป็น เขตเช่าของชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติชุดแรกของเอเชีย ในยามกลางวัน บริเวณเดอะบันด์ก็เป็นที่ที่ผู้คนนิยมเดินเล่นทอดน่อง ในขณะที่ในยามราตรี บริเวณดังกล่าวนี้ก็คราคร่ำไปด้วย หนุ่มสาวชาว เซี่ยงไฮ้ ที่เดินชมวิวทิวทัศน์กัน หรือนักท่องเที่ยวที่พากันเดินชม เมืองเซี่ยงไฮ้ กันเป็นกลุ่มๆ

สวนสาธารณะหวงผู่
เป็นสวนสาธารณะที่มีการจัดแต่งสวนแบบอังกฤษโดยแท้ ซึ่งมีชื่อเสียงมากในอดีต เนื่องจากสมัยที่อังกฤษเข้ามามีอิทธิพลใน จีน ได้ติดป้ายเขียนไว้ชัดเจนว่า "ห้ามสุนัขและชาว จีน เข้า"

ถนนนานจิง (Nanjing)
หรือถนนคนเดิน ถือได้ว่าเป็นถนนอเนกประสงค์ของ ชาว จีน เนื่องจากในยามเช้า จะเป็นบริเวณที่ผู้คน โดยเฉพาะ ผู้สูงอายุออกกำลังกายทั้ง รำไทเก๊ก รำกระบี่ รำพัด พอตกสายหน่อยก็จะกลายเป็นแหล่งช็อปปิ้ง เพราะเป็นที่ตั้งของบรรดาห้างสรรพสินค้ามากมาย และต้องถือว่าเป็นย่านสวรรค์ของบรรดาสาวกแบรนด์เนมทั้งหลาย แต่สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อของที่ระลึกแนะนำให้ไปย่านเหรินเหมิน (Renmin) และถนนจงหัว (Zhonghua) ซึ่งเป็นเขต ที่เข้าสู่ย่าน เมืองเก่า ถนนนานจิงนี้เปิดให้รถประจำทางวิ่งตอน 9 โมงเช้า - 6 โมงเย็น หลังจากนั้นจะปิดถนนให้คนเดินเท่านั้น ละแวกนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ยังมีงานศิลปะชั้นดีอีกด้วย โดยทางตอนใต้ของถนนนานจิงเป็นที่ตั้งของ หอศิลปะช่างไห่เหม่ยซู่ก่วน และ จัตุรัสเหรินเหมินกว๋างฉ่าง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางสังคมและสถานที่พักผ่อนนอกบ้านของ ชาว เซี่ยงไฮ้

พิพิธภัณฑ์ช่างไห่ป๋ออู้ก่วน
เป็นพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งใน จีน ที่ทันสมัยและกว้างขวาง โดยมีอาคารหอศิลป์ 11 หลัง ซึ่งจะจัดแสดงงานศิลปะนานาชนิด เป็นต้นว่า ภาพเขียน เครื่องหยก งานประติมากรรม เซรามิก ตราประทับงานเขียนอักษร และงานหล่อสำริดที่ได้ชื่อว่ายอดเยี่ยม ที่สุดในโลก

เขตสัมปทานเก่าของฝรั่งเศส
ยังคงเป็นบริเวณที่คงสภาพแบบเดิมอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยจะเห็นได้จากคฤหาสน์สวยแบบฝรั่งเศสในยุคสมัยก่อน บริเวณดังกล่าวยังเป็นที่ตั้งของบ้านเก่า ซุนยัดเซน ผู้นำทางการเมืองคนสำคัญของ จีน ซึ่งภายในบ้านได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ อีกด้วย ละแวกนี้ยังเป็นบ้านพักและที่ทำงานของ เหมาเจ๋อตุง และ โจวเอินไหล รวมทั้งที่ตั้งของรัฐสภาแห่งแรกของ พรรคคอมมิวนิสต์ จีน ที่ยังคงสภาพไม่ต่างจากในอดีต

ถนนหวยไห่ลู่
เป็นอีกถนนหนึ่งที่นักช็อปทั้งหลายที่มายัง จีน จะต้องพึงใจเป็นอย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านขายของเก่าและตลาดนัด ภัตตาคาร ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดัง ถนนสายนี้เป็นย่านช็อปปิ้งที่ทันสมัยและ ไม่พลุกพล่านเท่าถนนนานจิง

วัดเทพเจ้าประจำเมือง (Temple of the God)
มีอีกชื่อว่า เฉินหวงเมี่ยว (Chenghuang Miao) เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวของ จีน ที่จะพาคุณย้อนกลับไปคืนวันเก่าๆ ของ เซี่ยงไฮ้ ด้วยบรรยากาศแบบ จีน โบราณ ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในเขตตัวเมือง ท่านที่แวะเมือง เซี่ยงไฮ้ ต้องไม่พลาดที่จะสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งตามความเชื่อของชาว จีน ว่ากันว่าทุกเมืองจะต้องมีวัดประจำเพื่อปกป้องเมือง ให้ปลอดภัย โดยรอบวัดยังเป็นพื้นที่ตลาดนัดขนาดใหญ่ ที่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก

อุทยานอวี้หยวน (Garden of Joy)
ตั้งอยู่ด้านข้างเป็นที่ตั้งของอุทยานอวี้หยวนซึ่งมีชื่อภาษาอังกฤษที่เพราะพริ้งว่า 
Garden of Joy โดยบรรยากาศภายใน อุทยานร่มรื่นไปด้วยสวนไม้กลางภูเขาจำลอง สระปลา กำแพงสลักเป็นรูปมังกรและศาลาโถงหลายหลังที่เชื่อมถึงกันด้วยสะพานหลายแห่ง และพิเศษสำหรับผู้ที่หลงใหลการดื่มชา ต้องไม่พลาดที่จะแวะ ไปที่ร้านน้ำชา หูซิงถิง ด้วยความที่เป็นร้านชาที่เก่าแก่ที่สุดและดีที่สุดใน เซี่ยงไฮ้ โดยชั้นสอง ของร้านมีชารสดี และอาหารว่างแบบ จีน ไว้บริการ โดยร้านน้ำชานี้จะตั้ง อยู่กลางบึงน้ำเล็กๆ ทำให้ได้อรรถรสในการดื่มชามากขึ้น

ตลาดเซี่ยงหยาง
คล้ายๆ ตลาดนัดจตุจักร เป็นตลาดกลางแจ้งขนาดใหญ่ ขายสินค้าแบรนด์เนมดังๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ แต่ต้องต่อราคาให้ดีเมื่อจะซื้อเพราะ ร้านค้า จะบอกราคาสูงมาก

ซินเทียนตี่
หรือที่แปลว่า โลกใบใหม่ ฉะนั้นก็ต้องแตกต่างจากโลกใบเก่าในอดีตของ เซี่ยงไฮ้ อย่างสิ้นเชิง เพราะที่นี่คือ แหล่งท่องเที่ยว ยามราตรีของ เซี่ยงไฮ้ อาคารเก่าแก่มากมายถูกตกแต่งให้เป็นร้านอาหาร นอกจากนี้ยังมีอาคารแสดงศิลปะ มีโรงหนัง โรงละคร และทีวีจอยักษ์ที่ผนังตึกด้านนอกอีกด้วย

เมืองหนานฉิน (Nanxun)
ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. 30 นาที จากเมือง เซี่ยงไฮ้ โดยระหว่างทางจะเห็นเรือกสวนไร่นา แปลงปลูกผักมากมาย ขณะที่บ้านเรือนของผู้คนชาว จีน ในแถบนี้นิยมมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีเทาดำ และจะทำให้มีรูปทรงคล้ายหมวก จีน โบราณ หรือไม่ก็มงกุฎ ซึ่งถือว่าเป็นวัฒนธรรม จีน แบบเจ้านายในยุคเก่า หลังคาที่เป็น รูปทรงหมวก หมายถึงการมีอำนาจ เสาภายในบ้าน ก็ต้องเป็นสีแดง ซึ่งแสดงถึงความมีฐานะผ่าน เมืองหนานฉิน ต้องไม่พลาดเที่ยวชม หมู่บ้านตลาดน้ำ เป็นบริเวณที่มีลำคลองขนาดใหญ่ ไหลผ่านหมู่บ้าน โดยหมู่บ้านดังกล่าวเริ่มสร้างขึ้น ในสมัยราชวงศ์ซ่ง นับตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ชิง เมื่อ 700 ปี ก่อน โดยผู้คนในบริเวณนี้นิยมปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อนำมาทอผ้าไหม และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผ้าไหม จีน คุณภาพเยี่ยมก็โด่งดังไปทั่วโลก

เมืองหังโจว
เป็นอีกเมืองหนึางของ จีน ที่ขึ้นชื่อว่ามีธรรมชาติงดงามราวกับจิตรกรฝีมือดีบรรจงวิจิตรขึ้น ตัวอาคารบ้านเรือน ไม่สูงมากนัก ตึกใหญ่จะสูงแค่ 7-8 ชั้น เนื่องจากเกรงว่าจะไปบดบังทิวทัศน์ที่สวยงามโดยรอบ หังโจว เป็นเมืองเก่าแก่โบราณติด 1 ใน 7 ของจีน ที่ประกอบไปด้วย ซีอาน โล่วหยาง เจ้อโจว ปักกิ่ง นานกิง หังโจว เสฉวน ในเมืองหังโจว มี ทะเลซีหู (Xihu) เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด โดยทะเลสาบซีหู เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาว จีน ทั่วไปรวมไปถึง นักท่องเที่ยวที่จากแดนไกลที่เดินทางมา ทัวร์จีน ที่มักจะไม่พลาดโปรแกรมล่องเรือชมทะเลสาบ โดยเรือที่พานักท่องเที่ยว ล่องทะเลสาบนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับย้อนอดีตไปสมัยที่ยังใช้กำลังภายในกันอยู่ เข้ากับบรรยากาศโดยรอบ แตกต่างกับภายในตัวเมือง หังโจว ซึ่งมีความทันสมัยไม่น้อย เพราะมีทั้งสนามบินนานาชาติ ทางด่วน ห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเจ้อเจียงที่โด่งดังของประเทศ จีน อีกด้วย

เมืองเฉิงตู

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เฉิงตู

แหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou 
เป็นแหล่งทัศนียภาพที่งดงาม อยู่ทางตอนเหนือของ มณฑลเสฉวน บริเวณดังกล่าวล้อมรอบด้วยทะเลสาบ น้ำตก ลำธาร ภูเขาหิมะ ป่าไม้และหมู่บ้านชาวธิเบต ซึ่งตั้งอยู่รายรอบเป็นระยะทางกว่า 60 กิโลเมตร และภายในหุบเขามีทะเลสาบหล่อเลี้ยงอยู่ถึง 108 แห่ง โดยทะเลสาบที่ยาวที่สุด มีความยาวถึง 7,000 เมตร และกว้างนับพันเมตร ขณะที่ยอดเขา ที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ มีชื่อว่า Sword Rock ตามลักษณะของยอดเขา 
แหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou นี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก ของยูเนสโกด้วย เนื่องจากความงดงามของธรรมชาติ ที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับลักษณะภูมิประเทศ ที่น่าอัศจรรย์ บริเวณที่มีการกล่าวขวัญกันมากที่สุด คือ บริเวณทะเลหลากสี (Colorful Lake) เนื่องจากความน่าอัศจรรย์ของพื้นผิวน้ำ ที่ถูกประดับประดา ด้วยต้นไม้โบราณ ที่วางทอดยาวดุจปูพรมให้กับพื้นน้ำ ที่กำลังส่องแสงระยิบระยับ ล้อเลียนแสงอาทิตย์ บริเวณทิวทัศน์ Jiu Zha Gou เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยพืชพรรณธรรมชาติ และสัตว์ท้องถิ่น เป็นบริเวณที่มีบรรยากาศแบบสบายๆ และมีลักษณะภูมิอากาศที่เหมาะสม ทำให้เป็นแหล่งของต้นสน และต้นไม้ที่มีน้ำมันชนิดหนึ่งของ จีน และยังเป็นที่อยู่อาศัย ของสัตว์จำพวกมีกระดูกสันหลัง 170 ชนิด และนกนานาชนิดอีก 141 ประเภท รวมถึงแพนด้ายักษ์ ตัวนู และลิงขนทอง

แหล่งทิวทัศน์ Huang Long หรือ Yellow Dragon 
นั่งรถจากแหล่งทิวทัศน์ Jiu Zha Gou มา 3 ชั่วโมง คุณจะได้เห็นแหล่งทิวทัศน์ที่สวยงามอีกที่หนึ่ง ซึ่งรู้จักกันดีในนาม "The World Marvelous Scenery" ตั้งอยู่เขต Songpan ใกล้กับธิเบต มีชื่อเรียกว่า Yellow Dragon บริเวณ Yellow Dragon นี้เป็นลุ่มน้ำลึกยาว 3.6 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่เกิดจากการสะสมของชั้นตะกอนและหินปูนแบบหนึ่งที่อยู่ในน้ำพุ มีลักษณะคล้ายคลึงกับมังกรสีเหลืองขนาดใหญ่ ทำให้ถูกเรียกขานว่า Yellow Dragon บนพื้นที่ 700 ตารางกิโลเมตร ช่วยสร้างสรรค์ให้เกิดลักษณะภูมิประเทศที่น่ามหัศจรรย์ กล่าวคือ พื้นที่ดังกล่าว ถูกล้อมรอบด้วยทิวทัศน์ ภูเขาหิมะ น้ำตก และป่าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่ ขณะที่น้ำตกหลายสาย ต่างไหลพรั่งพรู ระหว่างทะเลสาบหลายแห่ง น้ำตกที่สวยงามที่สุดอยู่บริเวณใจกลาง Yellow Dragon มีชื่อว่า น้ำตกนูโอริน่า (Nuorina)

เทือกเขา Emei และรูปปั้นสลักพระพุทธเจ้า
ตั้งอยู่ที่เมือง Emeishan มณฑลเสฉวน เป็นบริเวณเทือกเขา ที่คงความงดงามของธรรมชาติ ไว้อย่างน่าทึ่ง มีลักษณะภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมที่ได้รับการสงวนรักษาไว้เป็นเขตนิเวศวิทยา และยังเป็นเขตโบราณสถาน ที่มีรูปปั้นของพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ (Giant Buddha) รวมถึงยังเป็นบริเวณที่อยู่อาศัย ของพืชพรรณนานาชนิด 3,200 ประเภท และสัตว์ท้องถิ่นหายากกว่า 2,300 ชนิด สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ช่วยให้บริเวณดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร จุดที่สูงที่สุด ของบริเวณนี้อยู่ที่เหนือระดับน้ำทะเล 3,077 เมตร มีทิวทัศน์ที่ไม่มีที่ใดเหมือน ที่กึ่งกลางของเทือกเขา Emei ท่ามกลางป่าทึบ และดอกไม้นานาพรรณ เป็นบริเวณที่อาบน้ำของช้าง และบริเวณ Nine Old Men รวมถึงภูเขา Hongchunping ภายในบริเวณนั้น มีวัดหลายแห่ง ที่มีชื่อเสียงคือ วัดหมื่นปี (Ten-Thousand-Year Temple) บริเวณโถงใหญ่จะมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์พระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า Samantabhadra พระพุทธรูปองค์นี้หล่อขึ้นในราชวงศ์ซ่ง มีความสูงถึง 7.55 เมตร หนัก 62 ตัน และเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของ จีน นอกจากนี้ ภายในเทือกเขา Emei ยังมีวัด Tiger Taming ซึ่งเป็นวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ ล้อมรอบด้วยแหล่งวัตถุโบราณของ จีน ที่น่าสนใจ ทำให้เทือกเขา Emei แห่งนี้ เป็นที่ที่ควรค่าแก่การศึกษาทางประวัติศาสตร์ จีน และวัฒนธรรมต่างๆ ของ จีน นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่พักของนักท่องเที่ยวด้วย

ถัดไปเป็นบริเวณที่เรียกว่า Giant Buddha of Leshan หรือบริเวณที่ตั้งของพระพุทธเจ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของ จีน และของโลก มีลักษณะเป็นรูปสลักหินในท่านั่ง ของพระพุทธเจ้าที่สูงถึง 71 เมตร ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงและแม่น้ำ 3 สาย รูปสลักพระพุทธเจ้านี้ ได้รับการยกย่องให้เป็นเลิศ ในการสร้างสรรค์ศิลปะการแกะสลักหิน อีกทั้งเชื่อว่าเป็นรูปสลักที่มีความสูงที่สุดในโลก บริเวณแห่งนี้ มีมรดกโลก ที่ผสมผสานระหว่างธรรมชาติ และวัฒนธรรมเข้ากันอย่างลงตัว และบนพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร จะได้พบกับรูปปั้นยักษ์ สมัยราชวงศ์ถังตั้งอยู่ศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยสภาพทิวทัศน์ธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีรูปปั้นพระพุทธเจ้า สมัยราชวงศ์ถังและซ่ง เจดีย์ วัด และสถาปัตยกรรมชั้นเลิศในสมัยราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ Qing บริเวณดังกล่าวเหมาะแก่นักท่องเที่ยว ที่ชื่นชอบศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบ จีน

พระราชวังโพธาลา ในกรุงลาซา (Lhasa)
พระราชวังโพธาลานี้ ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงในเมืองลาซา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของธิเบต พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 โดยกษัตริย์ Songtsan Gambo ที่สร้างพระราชวังแห่งนี้เพื่อเป็นสินสอดแก่เจ้าหญิงชาวฮั่นซึ่งมีพระนามว่า Wen Cheng ต่อมาในปี 1645 สมัยองค์ดาไลลามะที่ 5 ได้ทำการบูรณะซ่อมแซม และขยับขยายพระราชวังจนมีขนาดเท่าในปัจจุบัน และหลังจากนั้น เป็นต้นมา องค์ดาไลลามะก็ได้พำนักอยู่ที่นี่เรื่อยมา จนชาวบ้านเรียกพระราชวัง Potala ว่า ภูเขาของพระพุทธเจ้า (Budha's Mountain) ความมหัศจรรย์ของพระราชวังแห่งนี้ อยู่ที่การสร้างสถานบูชา และห้องโถงสำหรับการเคารพสักการะพระพุทธเจ้า ให้ลดหลั่นตามเนินเขา พระราชวังแห่งนี้สูงถึง 110 เมตร และมีความกว้าง 360 เมตร มีห้องโถงสำหรับการบวงสรวง 8 แห่ง พร้อมด้วยรูปปั้นพระพุทธเจ้าอีก 10,000 องค์ ภายในถ้ำคุณจะได้เห็นรูปปั้นของกษัตริย์ Songtsan Gambo และเจ้าหญิง Wen Cheng รวมถึงสถูป ขององค์ดาไลลามะทั้งหมด ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต และงดงามอย่างหาค่ามิได้ โดยเฉพาะสถูปขององค์ดาไลลามะที่ 5 ที่คลุมด้วยแผ่นทองซึ่งประดับตกแต่งด้วยหยกและหินสวยงาม พระราชวังโพธาลานี้ถือได้ว่า เป็นสถาปัตยกรรมแบบธิเบตชั้นยอด ที่ผสมผสานด้วยศิลปะแบบฮั่น มองโกเลีย และแมนจู

เซี๊ยะเหมิน

เซี๊ยะเหมิน หรือชื่อในสำเนียงฟูเจี้ยน (Fujian) ว่า "อามอย" (Amoy) มีความหมายใน ภาษาจีน ว่า ประตูคฤหาสน์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดของมณฑลฟูเจี้ยน และเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความสวยงามและสะอาดที่สุดของ ประเทศจีน ทั้งนี้ เกาะเซียะเหมิน ยังได้รับสมญานามว่า"สวนดอกไม้บนทะเล" และ "เกาะแห่งดนตรี" อาหารที่ขึ้นชื่อได้แก่ Spice Grapes ชา และอาหารทะเล

เมืองเซี๊ยะเหมินได้ยกระดับขึ้นมาเป็นเมืองใหญ่ใน ค.ศ. 1387 โดยมีสถานะเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญ และเป็นพื้นที่ที่เป็น สนามแห่งการสู้รบ หลายต่อหลายครั้งในอดีต ในปี 1981 เมืองเซี๊ยะเหมินได้กลายเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือที่เรียกว่า Special Economic Zone ทำให้เซี๊ยะเหมินกลายเป็นหน้าต่างของประเทศจีน ที่เปิดสู่โลกภายนอกมากขึ้น สาเหตุที่ทำให้เซี๊ยะเหมิน เป็นเมืองที่มีความสำคัญในทางเศรษฐกิจ เนื่องจากได้รับนโยบายสนุบสนุนจากการลงทุนจากรัฐบาล ซึ่งมีนักลงทุนจากไต้หวัน และชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนจำนวนมากกว่า 140 ประเทศ โดยเข้ามาลงทุนในด้านอุตสาหกรรม เกษตรกรรม ที่ดินและก่อสร้าง บริการแหล่งเงินทุน การท่องเที่ยว การส่งออก โดยมีอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย เครื่องจักร สิ่งทอ อาหาร เคมีภัณฑ์ เวชภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เซี๊ยะเหมินได้ให้ความสำคัญด้านการค้า การศึกษา และการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ เซี๊ยะเหมิน

เมืองฝูโจว
ฝูโจว (Fuzhou) เป็นเมืองหลวงของมณฑลฟูเจี้ยน ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำหมินเจียง (Minjiang) เป็นศูนย์กลาง ทางการเมืองของมณฑลฟูเจี้ยนมาตั้งแต่ราชวงศ์ Qin และกลายเป็นเมืงท่าที่สำคัญตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 ใน ค.ศ. 1842 เมืองท่าแห่งนี้เปิด ให้เรือต่างชาติเข้าเทียบ และเป็นศูนย์กลาง การต่อเรือในช่วงราชวงศ์ซ่ง ปัจจุบัน มีประชากรกว่า 1 ล้านคน เมืองฝูโจว มีน้ำพุร้อนหลายแห่ง และมีสถานที่ ที่น่าเยี่ยมชมคือ วัดป่าหัวหลินซื่อ (Hualinsi หรือ Spledid Forest Temple) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมือง ตัวอาคารทั้งหมดของวัดนี้ เป็นผลงานที่ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงจากสมัยราชวงศ์ชิง เว้นแต่หอกลางซึ่งคงรูปเดิม ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ได้แก่ ชา อ้อย ฝ้าย ป่าน และยาสูบ และมีสินค้าขึ้นชื่อ คือ ชามะลิ ส้มฝูงโจว และอาหารทะเล

วัดน่ำโผ่วท้อ
วัดน่ำโผ่วท้อ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ ของเขาโผ่วท้อ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 แห่งวัดพระพุทธศาสนา ที่ลือชื่อของประเทศจีน ท่านจะได้นมัสการพระพุทธรูปหยกขาว ที่อัญเชิญมาจากประเทศพม่า สมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งนับว่ามีประวัติยาวนานถึง 1,000 กว่าปี จนมาถึงสมัยราชวงศ์เช็ง จึงได้มีการซ่อมแซมและบูรณะอารามแห่งนี้ จนเป็นที่สมบูรณ์

เกาะกูลั่งอวี่ (Gulangyu Island)
ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเมืองเซี๊ยะเหมิน เป็นเกาะที่ได้รับการสมญานามว่าเป็นเกาะแห่งดนตรี เนื่องจากผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะนั้น นิยมชมชอบดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะเปียโน จะเป็นเครื่องเล่นดนตรีที่คนบนเกาะนี้โปรดปานเป็นที่สุด ซึ่งจะเห็นได้จาก 3 ใน 4 ของบ้านบนเกาะนี้ จะมีเปียโนไว้เล่น นอกจากนี้ บนเกาะยังมีพิพธภัณฑ์เปียโน จัดแสดงเครื่องเปียโนจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
เกาะกูลั่งอวี่นนี้มีพื้นที่เพียง 1.78 ตารางกิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางโดยทางเรือภายในเวลา 5 นาที บนเกาะจะไม่อนุญาตให้มียานพาหนะใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น การเดินทางบนเกาะ จึงต้องใช้การเดินทางเท้าเท่านั้น ซึ่งก็นับว่าเป็นการดีสำหรับท่านๆ ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพราะจะได้เดินเล่มชม วิวทิวทัศน์ที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์ขึ้นมาได้อย่างเต็มที่ เกาะดังกล่าวนี้ ถือได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของแถบนี้

สำหรับจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงบนเกาะก็ได้แก่ Sunlight Rock ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของเกาะ ตั้งอยู่บนเขาหัวมังกร (Tiger Head Hill) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของหาด เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก แสงอาทิตย์จะตกกระทบที่ก้อนหินดังกล่าว จึงเป็นที่มาของชื่อ Sunlight Rock และเมื่อยืนอยู่ ณ จุดนี้ จะมองเห็นทัศนียภาพที่สวยที่สุดของเกาะกูลั่งอวี่

วัดหนานผูเต่า (Nanputuo) 
ตั้งอยู่ทางชานเมืองทิศใต้ของเซี๊ยะเหมิน เป็นวัดพุทธที่สร้างขึ้นในช่วงราชวงศ์ถัง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 30,000 ตารางเมตร เป็นวัดที่อุทิศให้กวนหยิ เทพเจ้าแห่งความเมตตา ซึ่งภายในโถงพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ มีรูปเจ้าแม่กวนอิมถึง 3 องค์ ประดิษฐานอยู่ และเป็นที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับพุทธศาสนา และพระพุทธรูปที่ได้มาจากประเทศพม่า

Shantou
Shantou เป็นเมืองที่ขึ้นชื่อของแหล่งสวนสาธารณะ ที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุด ในแถบจีนตอนใต้ โดยมีสวน Queshe เป็นที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุด นอกจากนี้ บริเวณดังกล่าวยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ประกอบด้วย เกาะ Mayu เกาะ Laiwu รวมไปถึง วัด Lingshan และ ภูเขาเจดีย์ศาสนาพุทธที่อยูในเขต Chenhai ซึ่งมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวชาว จีน และชาวต่างประเทศ

Jimei
เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับด้านเหนือของเกาะเซี๊ยะเหมิน เป็นแหล่งบรรจบของถนน Gaoji และ Xiangji ที่ขึ้นในที่ลุ่ม หรือทะเล เมือง Jimei นี้เป็นทางเข้าออกทางเดียวของเมืองเซี๊ยะเหมิน โดย Jimei เป็นหนึ่งในสี่เมืองหลักของเซี๊ยะเหมิน แหล่งท่องเที่ยวในเขต Jimei ที่มีชื่อเสียงอาทิ Turtle Garden Returness Garden 
Jimei ยังเป็นถิ่นอาศัยของ Mr. Tan Hkah-Kee ผู้นำชาว จีน ที่อุทิศตนให้กับวงการศึกษา โดย Mr.Tan ได้สร้างโรงเรียนแบบต่างๆ ถึง 12 แห่ง ในบริเวณที่พักของเขา รวมถึงมหาวิทยาลัย Xiamen ซึ่งทำให้เขตดังกล่าวกลายเป็นศูนยกลางแห่งวงการวิทยาศาสตร์ สถานที่ออกกำลังกาย ห้องสมุดและโรงพยาบาล ซึ่งเปลี่ยนจากเขตชนบทในอดีตกลายเป็นเขตเมืองในปัจจุบัน

 



Other Article

ข้อมูลท่องเที่ยวเกาหลี

ข้อมูลท่องเที่ยวไต้หวัน

ข้อมูลท่องเที่ยวเวียดนาม

ข้อมูลท่องเที่ยวจอร์แดน

SOMPHONEXAY TOUR CO., LTD

Somphonexay Tour

Office Address
15-122 Ban Lakmuang, Pakse,
Champasak, Lao PDR.


Socal Network

LINE :

Whatsapp :

Вɠ2024 Somphonexay Tour All Rights Reserved.


About

Contact

Call